วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

Frédéric Chopin Piano Concerto N.º 2 Op. 21 in F minor


Piano Concerto ลำดับที่ 2 ในบันไดเสียง F minor ของ Chopin เป็นผลงานลำดับที่ 21 จากผลงานที่ Chopin ประพันธ์ไว้ทั้งหมด
.....
คอนแชร์โตบทนี้ ประกอบด้วย 3 มูฟเมนต์
1. Maestoso
2. Larghetto
3. Allegro vivace
.....
ผลงานชิ้นนี้บรรเลงโดย London Symphony Orchestra โดยมี Arthur Rubinstein เล่นเปียโน และ André Previn กำกับวง
.....
Chopin ประพันธ์เพลงนี้ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากความรักที่มีต่อหญิงสาวนางหนึ่งนาม “คอนสแตนซา แกลดคอฟสกา” (Konstancja Gładkowska) เธอเป็นนักร้องโอเปราที่ศึกษาอยู่สถาบันดนตรีแห่งวอร์ซอเช่นเดียวกับ Chopin
.....
Chopin หลงรักหญิงสาวนางนี้ตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยเขาเป็นชายหนุ่มผู้ขี้อายมิได้กร้านสตรีเพศ จึงหาได้เผยความในใจต่อเธอไม่ คงมีแต่เพียงจดหมายที่เขียนบรรยายความในใจที่เขามีต่อเธอแก่เพื่อนสนิทเท่านั้น และเมื่อเวลาล่วงไป “คอนสแตนซา” หญิงสาวที่เขาหลงรักก็ได้เข้าพิธีวิวาห์ไปกับชายอื่น หลงเหลือเพียงบทเพลงนี้ทิ้งไว้ในความทรงจำ
.....

O mio babbino caro

โอยยย... ไพเราะจับใจเหลือเกิน ฟังไปน้ำตาคลอไป แต่พอจบเพลงมันช่างเป็นรอยน้ำตาที่เปี่ยมสุข ถึงกับต้องแอบอมยิ้มให้แก่หนูน้อย Amira Willighagen กันเลยทีเดียว
…..
“O mio babbino caro” เป็นภาษาอิตาเลี่ยน ความหมายว่า “โอ้คุณพ่อที่รัก” เป็นบทเพลงในอุปรากรเรื่อง Gianni Schicchi ประพันธ์โดย Puccini
…..
บทเพลงนี้ผ่านการขับร้องจากนักร้องเสียง Soprano เรืองนามมาหลากหลายแล้ว ทั้ง Maria Callas, Renee Fleming, Dame Elisabeth Schwarzkopf, Hayley Westenra หรือ Angela Gheorghiu ซึ่ง version หนูน้อย Amira Willighagen นี้ ขับร้องออกมาได้รวดร้าวสะเทือนใจมิได้หย่อนไปกว่าใครเลย
…..
เสียง Soprano ถ้าเปรียบเป็นนักซูโม่ก็ต้องเป็นตำแหน่ง “โยโกสุนะ” ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดของซูโม่ เพราะโทนเสียง Soprano คือโทนเสียงที่สูงที่สุดของนักร้อง Opera
.....
เนื้อหาเพลง O mio babbino caro พรรณาถึงหญิงสาวที่ทอดใจรำพึงถึงชายหนุ่มคนรักที่ตัดพ้อต่อบิดาของนาง ว่า พ่อจ๋า ได้โปรดสงสารลูกสาวคนนี้ให้สุขสมหวังในรักด้วยเถิด ประมาณนั้น
.....

ในอุปรากร ท่อนที่ทำให้เกิดอารมณ์ซาบซึ้งสะเทือนใจบีบเค้นน้ำตาเรียกกันว่าท่อน Aria” ซึ่งโดยมากมักมีเนื้อหาพรรณาถึงความรัก ความดื่มด่ำใจ ทั้งโศกศัลย์แลเปี่ยมสุข เช่น บทเพลง O mio babbino caro นี้

'O Sole Mio' - Amira Willighagen and Patrizio Buanne

O Sole Mio” เป็นบทเพลงภาษานาโปลี มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า my sunshine” ภาษาไทยก็คงประมาณว่า “รุ่งทิวาของฉัน” แต่งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1898 ทำนองเพลงประพันธ์โดย Eduardo di Capua ส่วนคำร้องโดย Giovanni Capurro จากเมืองเนเปิลส์ของอิตาลี
.....
เนื้อร้องพรรณาถึง “ความงดงามของแสงตะวัน และเปรียบความงามนั้นว่าคล้ายดั่งเธอ ซึ่งหาสิ่งใดมาเทียมเท่ามิได้ ครั้นตะวันลับขอบฟ้าราตรีกาลมาเยือน ช่างแสนโศกาอาดูรนัก”
.....
คำร้องเพลง O Sole Mio ถูกแปลงเป็นภาษาอังกฤษหลายสำนวน ทั้ง “Down From His Glory” ในปี 1921 “There's No Tomorrow” ในปี 1949 ขับร้องโดย Tony Martin แม้แต่ Elvis Presley ก็เคยนำมาขับร้องในปี 1960 จนขึ้นอันดับหนึ่งของนิตยสารบิลบอร์ดในชื่อ “It's Now or Never” อย่างไรก็ตามมักนิยมขับร้องในภาษานาโปลีดั้งเดิมมากกว่า ซึ่ง Luciano Pavarotti นำ “O sole mio” มาขับร้องประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัล Grammy Award ในปี 1980
.....
ที่กำลังขับร้องถ่ายทอดโดยหนูน้อย Amira Willighagen กับ Patrizio Buanne เสียดาย Amira เด็กน้อยไปหน่อยไม่ยังงั้นจะถ่ายทอดออกมาโรแมนติกกว่านี้ แต่เสียง Amira ไพเราะจริง ๆ

.....

วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

Violin Sonata in G minor โดย “Giuseppe Tartini”

Giuseppe Tartini ผู้สยบยอมแก่ซาตาน เป็นคีตกวีร่วมยุค Baroque กับ Johann Sebastian Bach ผู้ทรงอิทธิพล และ Frederick Handel ผู้เรืองนาม
.....
The Violin Sonata in G minor รู้จักกันดีในชื่อ Devil's Trill Sonata” “Sonata” คือ การบรรเลงเดี่ยวเครื่องดนตรี ส่วน “Trill” คือ การระรัวสาย แล้วเหตุใดบทเพลงนี้จึงได้ชื่อ “Devil's Trill Sonata” มีเรื่องราวเล่าสืบต่อกันมา โดย Tartini เป็นผู้เล่าทิ้งไว้เองว่า
.....
ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่ Tartini กำลังหลับนั้น ฝันว่า ได้ตกลงทำสัญญากับซาตาน โดยในความฝันนั้น เพื่อทดสอบซาตานว่ามีความสามารถสักเพียงใด Tartini จึงหยิบยื่นไวโอลินของเขาแก่ซาตานและซาตานรับไวโอลินพร้อมขึ้นคันชักโดยพลัน ณ ห้วงเวลาที่ซาตานบรรเลงนั้น Tartini เหมือนตกอยู่ในภวังค์จนแทบหยุดลมหายใจ เพราะมันช่างเป็น Sonata ที่แสนไพเราะ เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ เขาไม่เคยรับฟังบทเพลงที่ไพเราะเช่นนั้นมาก่อน เปรียบได้ว่าเป็นบทเพลงที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนบรรพพิภพก็ว่าได้ ซึ่งยากจะหาใครเทียม และเมื่อรู้สึกตัวตื่น Tartini รีบจับไวโอลินขึ้นมาด้วยหวังว่าจะจดจำได้สักเสี้ยวหนึ่งของบท Sonata ในฝันนั้น แต่ต้องหมดหวังอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่อาจทำมันได้ ทำได้ดีที่สุดเพียง Devil's Trill Sonata บทนี้ ซึ่งยังห่างชั้นจาก Sonata ที่ซาตานบรรเลงในฝันมาก
.....
ประเด็นที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ คือ บทเพลงของคีตกวีในยุคนั้นต่างล้วนเทิดทูนอุทิศแก่พระเจ้า แต่ Tartini กลับยกย่องเทิดทูนซาตาน ซึ่งหากพิจารณาอีกมุมหนึ่ง อาจมองได้ว่า Tartini ยกซาตานขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการยกยอ Sonata ของตนเองก็เป็นได้
.....

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

Tchaïkovsky 1812 overture


1812 Overture สรรสร้างขึ้นโดย Tchaikovsky ในปี ค.ศ. 1880 เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของทหารรัสเซียในการป้องกันมอสโกจากการรุกรานของฝรั่งเศส โดยเฉพาะยุทธการ Borodino ในปี ค.ศ. 1812 ที่ Napoleon เป็นจอมทัพ
…..
ต่อมา Overture ชิ้นนี้ถูกนำไปแสดงในอเมริกา แล้วได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากปี ค.ศ. 1812 นั้น สอดคล้องกับสงครามระหว่างอเมริกากับอังกฤษ ดังนั้น Overture ชิ้นนี้จึงนิยมบรรเลงในวันชาติของอเมริกาด้วย
.....
ที่กำลังบรรเลงนี้กำกับโดย Leonard Bernstein และมี New York Philharmonic Orchestra เป็นวงบรรเลง