ประเด็นข่าว “ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 มีความน่าสนใจว่า แล้วนายธนาธรฯ
เป็นกรรมาธิการฯ ดังกล่าวได้หรือไม่ เราลองมาพิจารณาว่า
จะมีหลักกฎหมายประการใดมาปรับใช้ได้บ้าง
.
เนื่องจาก นายธนาธรฯ เป็น ส.ส.
แต่ขณะนี้ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
.
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เห็นว่า
การตั้งคณะกรรมาธิการ เป็นเรื่องของสภาฯ ลงมติตั้ง “ใครก็ได้” เป็นกรรมาธิการวิสามัญ
.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นภาคเสธ
คือ แบ่งรับแบ่งสู้ว่า กรรมาธิการวิสามัญฯ คือ กลุ่มบุคคล
ที่สภาผู้แทนราษฎรมอบหมายให้ไปทำหน้าที่แทน แตกต่างกับกรรมาธิการสามัญฯ
ตรงที่กรรมาธิการสามัญ ต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น ส่วนกรรมาธิการวิสามัญ อาจจะเป็น “บุคคลภายนอกที่ไม่เป็น ส.ส.”
.
นายสิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่านายธนาธรฯ ยังคงมีสถานะเป็น
ส.ส. แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมาธิการ หากมีปล่อยให้ร่วมประชุมและมีการลงมติต่าง
ๆ ก็มีโอกาสที่จะส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นโมฆะไปด้วย
.
กฎหมายมหาชน มีหลักประการหนึ่ง เรียกหลักนั้นว่า ‘ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น’
(argumentum a fortiori)
.
หลักการ ‘อุดช่องว่าง’
ของกฎหมายโดยให้เหตุผลในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นได้ ๒ กรณี คือ การให้เหตุผลแบบ ‘ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น’
จากสิ่งที่ใหญ่ไปสู่สิ่งเล็กกว่า (argumentum a maiore ad minus) และการให้เหตุผลแบบ ‘ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น’
จากสิ่งที่เล็กไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่า (argumentum a minore ad maius)
.
ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ผู้ใช้กฎหมายย่อมสามารถอุดช่องว่างของกฎหมายได้’
หากปรากฏจาก ‘วัตถุประสงค์’
ของการตรากฎหมายแล้ว ‘เห็นประจักษ์ชัด’
ว่าข้อเท็จจริงที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายไม่ได้บัญญัติถึงนั้น จะต้องตกอยู่ภายใต้บทบัญญัติที่กฎหมายบัญญัติไว้ยิ่งเสียกว่า
.
จากข้อเท็จจริงตามความเห็นของนายชวนฯ และนายวิษณุฯ ที่เห็นสอดคล้องกันสรุปได้ว่า การเป็นกรรมาธิการฯ จะเป็นผู้ที่มาจาก ส.ส. หรือมิใช่ ส.ส. ก็ย่อมได้ ข้อเท็จจริง นายธนาธรฯ
เป็น ส.ส. เพียงแต่ศาลฯ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เท่านั้น เมื่อผู้ที่แม้มิได้เป็น
ส.ส. ยังเป็นกรรมาธิการฯ ได้ ภายใต้ “หลักยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น”
ที่ยกมา จึงเห็นว่า นายธนาธรฯ ยิ่งต้องเป็นกรรมาธิการฯ ได้
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น